Noun คืออะไร สรุปคำนามภาษาอังกฤษ มีอะไรบ้าง

Noun in English

สรุป Noun คำนาม

Noun คำนามภาษาอังกฤษ

Noun หรือคำนาม เป็น Part of speech หน้าที่ของคํา ภาษาอังกฤษ ชนิดหนึ่งที่สามรถพบเห็นได้บ่อยในชีวิตประจำวัน บทเรียนภาษาอังกฤษนี้จะอธิบายว่า คำนามมีกี่ชนิด ทำหน้าที่อะไรได้บ้าง มีข้อกำหนดการใช้งานในทาง ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ (Grammar) ภาษาอังกฤษอย่างไร

Noun คืออะไร

Noun หรือ คำนาม คือคำภาษาอังกฤษที่ใช้เรียกคน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ หรือสิ่งที่เป็นนามธรรมไม่สามารถจับต้องได้ อย่างเช่น อารมณ์ ความคิด ฯลฯ ตัวอย่างคำนามเช่น Tony โทนี่ (ชื่อคน), boy เด็กผู้ชาย (คน), table โต๊ะ (สิ่งของ), Bangkok กรุงเทพ (สถานที่), cat แมว (สัตว์), kindness ความกรุณา (คุณสมบัติ) เป็นต้น

Noun มีอะไรบ้าง

คำนามสามารถแบ่งได้หลากหลายวิธีและหมวดหมู่ ตามประเภท (type) และหน้าที่ (function) ของคำนาม อย่างเช่น

  • ถ้าแบ่งตามความหมายของคำนาม (Type of Noun)
    • Common Noun
    • Proper Noun
    • Collective Noun
    • Material Noun
    • Abstract Noun
  • ถ้าแบ่งตามการนับของคำนาม (Number of Noun)
    • Countable Noun
      • Singular Noun
      • Plural Noun
    • Uncountable Noun

Noun (คำนาม) ประเภทต่าง ๆ

Common noun คืออะไร มีอะไรบ้าง

Common noun หรือ คำนามทั่วไป เป็นคำนามที่ใช้เรียกชื่อคน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ ที่ไม่เจาะจง เช่น boy (เด็กผู้ชาย), man (ผู้ชาย) สรุป common noun ก็คือ คำนามที่เรียกสิ่งต่าง ๆ แบบไม่ได้เจาะจงหรือมีชื่อเฉพาะ ตัวอย่างเช่น

  • Common noun เกี่ยวกับคน, สัตว์, สิ่งของ
    • boy (เด็กชาย), girl (เด็กหญิง), man (ผู้ชาย), woman (ผู้หญิง), table (โต๊ะ), chair (เก้าอี้)
  • Common noun เกี่ยวกับสถานที่
    • school (โรงเรียน), university (มหาวิทยาลัย), house (บ้าน), spa (สปา), hotel (โรงแรม)
  • Common noun เกี่ยวกับเหตุการณ์
    • celebration (การเฉลิมฉลอง), conference (การประชุม), wedding (งานแต่งงาน), concert (คอนเสิร์ต), exhibition (นิทรรศการ)
  • Common noun เกี่ยวกับความรู้สึก
    • love (ความรัก), anger (ความโกรธ), joy (ความสุข), sadness (ความเศร้า), fear (ความกลัว)
  • Common noun เกี่ยวกับเวลา
    • year (ปี), minute (นาที), hour (ชั่วโมง), day (วัน), month (เดือน)

Proper Noun คืออะไร มีอะไรบ้าง

Proper Noun หรือ คำนามชี้เฉพาะ คือคำนามที่ชี้เฉพาะคำนามประเภท common noun คือเป็นชื่อเฉพาะของคน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ นั้น ๆ เวลาเขียนจะต้องขึ้นต้นด้วยตัวพิมพ์ใหญ่ เช่น a man จะเป็น common noun แต่เมื่อบอกว่าผู้ชายคนที่ชื่อ Tony คำว่า Tony เป็น Proper Noun และต้องสะกดตัวแรกของคำเป็นตัวพิมพ์ใหญ่ ไม่ว่าจะอยู่ตรงไหน ตำแหน่งไหน ในประโยคภาษาอังกฤษ

  • Proper noun ชื่อคน ตัวอย่างเช่น
    • Tony, Peter, Mario, Anna
  • Proper noun ชื่อสถานที่ ตัวอย่างเช่น
    • Japan, Osaka, Silom
  • Proper noun ชื่อสิ่งต่าง ๆ เช่น วัน, เทศกาล, เดือน ตัวอย่าง
    • Monday, Songkran, April
  • ตัวอย่างประโยคที่มี Common noun และ Proper Noun
    • The man who called you yesterday morning is Tony.

โดยปกติ Proper Noun จะไม่มีคำนำหน้านาม (determiner) นำหน้าคำนามประเภทนี้ ยกเว้นว่าอยู่ในรูปพหูพจน์ เช่น Adams (ครอบครัวอดัม) หรือเพื่อการระบุว่าแตกต่างเป็นพิเศษ เช่น the White House, the Empire State Building, the Eiffel Tower

Collective noun คืออะไร มีอะไรบ้าง

Collective noun หรือ สมุหนาม คือคำที่ใช้เรียกคำนามที่อยู่รวมกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ หรือสิ่งของ ตัวอย่างของคำนามรวมกลุ่ม เช่น

    • a hive of bees (ผึ้งหนึ่งฝูง)
    • a band of musicians (วงดนตรีหนึ่งวง)
    • a pride of lions (สิงโตหนึ่งฝูง)
    • a brood of chickens (ไก่หนึ่งฝูง)
    • a school of whales (ปลาวาฬหนึ่งฝูง)
    • a troop of monkeys (ลิงหนึ่งฝูง)
    • a flock of birds (นกหนึ่งฝูง)
    • a bouquet of flowers (ดอกไม้หนึ่งช่อ)
    • a bed of roses (กุหลาบหนึ่งแปลง)
  • ตัวอย่างประโยคที่มี Collective noun
    • A flock of birds flew in perfect formation across the sky.

Material noun คืออะไร มีอะไรบ้าง

Material noun หรือ วัตถุนาม คือคำนามที่เรียกสิ่งของที่มีรูปร่าง อยู่รวมกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน เป็นคำนามนับไม่ได้แต่สัมผัสได้ เช่น พวกแร่ธาตุต่าง ๆ โลหะ ของแข็งหรือของเหลว บางครั้งสามารถเรียก Material noun อีกชื่อว่า Mass noun โดยมีรูปเป็นคำนามเอกพจน์ และใช้กับคำกริยาที่เป็นเอกพจน์เสมอ เช่น rice ข้าว, air อากาศ, sand ทราย, bread ขนมปัง, sugar น้ำตาล, water น้ำ, oil น้ำมัน, milk นม ฯลฯ

  • Material noun from nature (สิ่งที่มาจากธรรมชาติ)
    • water (น้ำ), wood (ไม้), stone (หิน), soil (ดิน), air (อากาศ)
  • Material noun from animals (สิ่งที่มาจากสัตว์)
    • egg (ไข่), meat (เนื้อ), fur (ขนสัตว์), leather (หนังสัตว์), milk (นม)
  • Material noun from plants (สิ่งที่มาจากพืช)
    • cotton (ฝ้าย), wood (ไม้), bamboo (ไม้ไผ่), rubber (ยาง), paper (กระดาษ)
  • Man-made Material Nouns (สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น)
    • plastic (พลาสติก), concrete (คอนกรีต), glass (แก้ว), paper (กระดาษ), ceramic (เซรามิก)
  • ตัวอย่างประโยคที่มี Material noun
    • Breathing in fresh, clean air is essential for good health.

Abstract Noun คืออะไร มีอะไรบ้าง

Abstract noun หรือ อาการนาม เป็นคำนามที่เกี่ยวกับสภาพหรืออาการ เป็นคำนามที่เรียกสิ่งของที่ไม่มีรูปร่าง จับต้องไม่ได้ เป็นคำนามที่มองไม่เห็น มีลักษณะเป็นนามธรรม เป็นคำนามที่แสดงถึงสภาวะ (state) คุณสมบัติ (quality) การกระทำ (action) ความคิด (idea) ตัวอย่างเช่น evil (ความชั่วร้าย), poverty (ความยากจน), honesty (ความซื่อสัตย์), accuracy (ความถูกต้อง), kindness (ความเมตตา), arrival (การมาถึง), creation (การสร้างสรรค์)

  • Abstract Noun ที่มาจาก Verb
    • arrive = arrival (การมาถึง)
    • create = creation (การสร้าง)
    • achieve = achievement (ความสำเร็จ)
    • develop = development (การพัฒนา)
    • communicate = communication (การสื่อสาร)
  • Abstract Noun ที่มาจาก Adjective
    • able = ability (ความสามารถ)
    • brave = bravery (ความกล้าหาญ)
    • happy = happiness (ความสุข)
    • intelligent = intelligence (ความฉลาด)
    • beautiful = beauty (ความสวยงาม)
  • Abstract Noun ที่มาจาก Noun
    • child = childhood (วัยเด็ก, ความเป็นเด็ก)
    • friend = friendship (มิตรภาพ)
    • nation = nationality (สัญชาติ)
    • parent = parenthood (การเป็นพ่อแม่)
    • neighbor = neighborhood (ย่านที่อยู่)
  • ตัวอย่างประโยคที่มี Abstract noun
    • Honesty is the foundation of a strong relationship.

Countable noun คืออะไร มีอะไรบ้าง

Countable noun หรือ คำนามนับได้ เป็นคำนามแบบ Common noun ที่สามารถนับได้ว่ามีจำนวนเท่าไร กี่ชิ้น กี่คน กี่อัน กี่แท่ง ฯลฯ เช่นคำว่า teacher นับเป็น a teacher ครูหนึ่งคน หรือ two teachers ครูสองคน เป็นต้น

  • ตัวอย่างประโยคที่มี Countable noun
    • My brother wants to be an English teacher.

Uncountable noun คืออะไร มีอะไรบ้าง

Uncountable noun หรือ คำนามนับไม่ได้ เป็นคำนามที่ไม่สามารถนับจำนวนได้ เนื่องจากเป็นของเหลว เป็นนามธรรม หรือมีจำนวนมากจนไม่สามารถทำการนับได้ อย่างเช่น hair (เส้นผม), water (น้ำ), sugar (น้ำตาล), salt (เกลือ) เป็นต้น

  • ตัวอย่างประโยคที่มี Uncountable noun
    • He used a jug to pour water into the glass.

หากต้องการนับคำนามประเภท Uncountable noun ให้ทำการนับจากภาชนะบรรจุหรือลักษณะนาม เช่น

    • a glass of water
    • a pot of coffee
    • a bar of soap
    • a bowl of rice
    • a loaf of bread

หน้าที่ของ Noun (คำนาม)

เป็นประธานของประโยค

เมื่อทำหน้าที่เป็นประธาน (Subject) หรือเป็นหัวเรื่อง Noun (คำนาม) มักจะอยู่ต้นประโยค และวางอยู่หน้าคำกริยา ตัวอย่างเช่น

  • Tony visited Japan last year. (โทนี่ไปญี่ปุ่นเมื่อปีที่แล้ว)

เป็นกรรมตรงของประโยค

เมื่อ Noun ทำหน้าที่เป็น Direct Object คำนามนั้นจะอยู่หลังคำกริยาที่ต้องการกรรม

  • Tony is baking a birthday cake. (โทนี่กำลังอบเค้กวันเกิด)

เป็นกรรมรองของประโยค

เมื่อ Noun ทำหน้าที่เป็น Indirect Object คำนามที่ทำหน้าที่เป็นกรรมรองสามารถอยู่ในประโยคภาษาอังกฤษได้ 2 ตำแหน่ง คือ

  • อยู่หลังคำกริยา และอยู่หน้ากรรมตรง
    • Mario bought Tony a new wallet. (มาริโอซื้อกระเป๋าสตางค์ใบใหม่ให้โทนี่)
  • อยู่หลังกรรมตรง แต่ต้องมี Preposition “to” หรือ “for” ข้างหน้ากรรมรอง
    • Mario bought a new wallet for Tony. (มาริโอซื้อกระเป๋าสตางค์ใบใหม่ให้โทนี่)

เป็นกรรมของบุพบท

เมื่อ Noun ทำหน้าที่เป็น Object of Preposition แสดงว่าคำนามจะต้องอยู่หลังคำบุพบท

  • Tony went to the spa yesterday. (โทนี่ไปสปาเมื่อวานนี้)

เป็นส่วนเติมเต็มประธาน

เมื่อ Noun ทำหน้าที่เป็น Subject Complement แสดงว่าคำนามจะต้องอยู่หลังคำกริยาทั่วไป หรือ Linking Verb

  • They are explorers. (พวกเขาคือนักสำรวจ)
    • NOTE! ในที่นี้จะขาดส่วนเติมเต็มประธานไม่ได้ เพราะจะทำให้ประโยคภาษาอังกฤษไม่สมบูรณ์ เช่น ถ้าพูดว่า They are. ก็ไม่ทราบว่าพวกเขาคือใคร

เป็นส่วนเติมเต็มกรรม

เมื่อ Noun ทำหน้าที่เป็น Object Complement แสดงว่าคำนามจะต้องอยู่หลังกรรม เพื่อบอกว่า Object (กรรม) นั้นคืออะไร

  • Tony named his cat Peter. (โทนี่ตั้งชื่อแมวของเขาว่าปีเตอร์)

ตำแหน่งของ Noun (คำนาม) ในประโยค

  • Noun (คำนาม) อยู่หลัง Article
    • Noun (คำนาม) สามารถวางไว้หลัง Article โดยวางติดกับ Article หรือมี Adjective (คำคุณศัพท์) ด้วยก็ได้
      • a handsome man (ผู้ชายหล่อหนึ่งคน)
      • a fluffy cat (แมวขนปุยหนึ่งตัว)
  • Noun (คำนาม) อยู่หลังคำคุณศัพท์แสดงความเป็นเจ้าของ
    • Noun (คำนาม) สามารถวางไว้หลังคำคุณศัพท์แสดงความเป็นเจ้าของ เช่น my, your, his, her, their, our และอื่น ๆ ได้ โดยมี Adjective (คำคุณศัพท์) ด้วยก็ได้
      • my new house (บ้านใหม่ของฉัน)
      • his white shorts (กางเกงขาสั้นสีขาวของเขา)
  • Noun (คำนาม) อยู่หลังคำแสดงปริมาณ
    • Noun (คำนาม) สามารถวางไว้หลังคำแสดงปริมาณ เช่น some, any, few, little และอื่น ๆ ได้
      • I need some help. (ฉันต้องการความช่วยเหลือ)
  • Noun (คำนาม) อยู่หลังคำบุพบท
    • Noun (คำนาม) สามารถวางไว้หลังคำบุพบท เช่น under, in, of, for และอื่น ๆ ได้ เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติม
      • The cat jumped over the fence. (แมวตัวนั้นกระโดดข้ามรั้ว)
  • Noun (คำนาม) อยู่หลังคำนำหน้าคำนาม
    • Noun (คำนาม) สามารถวางไว้หลังคำนำหน้าคำนามบางคำ อย่างเช่น this, that, these, those, both และอื่น ๆ ได้
      • This cozy house (บ้านแสนสบายหลังนี้)
      • Both bright eyes (แววตาสดใสทั้งคู่)

Noun Suffix

Suffix คือส่วนที่เติมเข้าไปท้ายคำ หรือลงท้ายคำแล้วคำนั้นเป็นคำนาม ตัวอย่างเช่น

  • -tion ตัวอย่าง: suggestion, operation, exploration
  • -ness ตัวอย่าง: happiness, kindness, darkness
  • -ity ตัวอย่าง: quality, reality, creativity
  • -ment ตัวอย่าง: development, improvement, movement
  • -ance/-ence ตัวอย่าง: importance, difference, performance
  • -er/-or ตัวอย่าง: teacher, actor, director
  • -ism ตัวอย่าง: realism, socialism, capitalism
  • -ship ตัวอย่าง: friendship, leadership, citizenship
  • -hood ตัวอย่าง: childhood, adulthood, brotherhood
  • -age ตัวอย่าง: marriage, storage, package

Noun Phrase (นามวลี)

Noun phrase คือ นามวลี ประกอบด้วยคำหลักคือ Noun (คำนาม) ที่มาพร้อมกับคำอื่น ๆ เพื่อขยายความเพิ่มเติม (Modifier) โดยสามารถเป็นได้ทั้ง Articles (a, an, the), คำบอกปริมาณ (Quantifiers เช่น some, a lot, a little), คำสรรพนามชี้เฉพาะ (Demonstratives เช่น this, that, those), คำสรรพนามแสดงความเป็นเจ้าของ (Possessives เช่น his, her, their), คำคุณศัพท์ (Adjective) หรือ คำกริยาวิเศษณ์ (Adverb) สรุป Noun phrase สามารถทำหน้าที่ได้เหมือนคำนามปกติ โดยเป็นได้ทั้งประธาน (Subject) กรรม (Object) ของประโยคภาษาอังกฤษ และกรรมหลังคำบุพบท

  • โครงสร้าง Noun phrase (นามวลี) สามารถมีได้หลากหลาย ตัวอย่างเช่น
    • Determiner + Noun เช่น The time
    • Determiner + Adjective + Noun เช่น A good time
    • Noun + Noun เช่น Dutch company
    • Determiner + Noun + Noun เช่น The security office
    • Preposition + Adjective + Noun เช่น In distinct business

Possessive Noun

Possessive nouns คืออะไร Possessive nouns คือการทำคำนามให้อยู่ในรูปของการแสดงความเป็นเจ้าของ สามารถทำได้โดยใช้ Apostrophe + s (’s) โดยนำ ’s ไปใส่ที่ท้ายคำนามที่ต้องการแสดงความเป็นเจ้าของ ซึ่งคำนามเอกพจน์ (Singular Noun) และคำนามพหูพจน์ (Plural Noun) มีวิธีทำหรือการใส่ ’s แตกต่างกัน คือ

  • คำนามเอกพจน์ (Singular Noun) สามารถใส่ ’s ที่หลังคำนามนั้นได้ทันที เช่น a man’s car
  • คำนามพหูพจน์ที่ลงท้ายด้วย s จะใส่ Apostrophe (’) เพียงอย่างเดียวท้ายคำนามพหูพจน์นั้น เช่น the boys’ bags
  • คำนามพหูพจน์แบบ อปกติ (Irregular Plural Noun) ที่เปลี่ยนรูปเดิมจากรูปเอกพจน์ จะใส่ ’s (Apostrophe + s) เสมอ เช่น men’s cars

หลักการเปลี่ยนคำนามเอกพจน์เป็นพหูพจน์

ตัวอย่างวิธีเปลี่ยนเอกพจน์เป็นพหูพจน์

  • เติม s ท้ายคำนามเอกพจน์เพื่อเปลี่ยนเป็นพหูพจน์
    • cat (แมว) -> cats (แมวหลายตัว)
    • dog (สุนัข) -> dogs (สุนัขหลายตัว)
  • เติม es ท้ายคำนามเอกพจน์ที่ลงท้ายด้วย s, x, z, ch, sh เพื่อเปลี่ยนเป็นพหูพจน์
    • bus (รถเมล์) -> buses (รถเมล์หลายคัน)
    • box (กล่อง) -> boxes (กล่องหลายใบ)
  • คำนามเอกพจน์บางคำมีกฎการเปลี่ยนเป็นพหูพจน์โดยการเปลี่ยนรูป
    • child (เด็ก) -> children (เด็ก ๆ)
    • man (ผู้ชาย) -> men (ผู้ชายหลายคน)
    • woman (ผู้หญิง) -> women (ผู้หญิงหลายคน)

การใช้ a / an

  • ใช้ a นำหน้าคำนามทั่วไปที่เป็นรูปเอกพจน์ และขึ้นต้นด้วยพยัญชนะหรือออกเสียงพยัญชนะ โดยหมายถึง หนึ่งสิ่ง หนึ่งคน หนึ่งตัว หนึ่งอัน ตัวอย่างเช่น
    • a man, a hotel, a university
  • ใช้ an นำหน้าคำนามที่อ่านเป็นเสียงสระ หรือเสียง อ ขึ้นต้น ตัวอย่างเช่น
    • an egg, an hour, an umbrella

คำนามที่ลงท้ายด้วย s แต่เป็นเอกพจน์ ไม่ใช่พหูพจน์

  • News (ข่าว)
  • Mathematics (คณิตศาสตร์)
  • Politics (การเมือง)
  • Economics (เศรษฐศาสตร์)
  • Physics (ฟิสิกส์)
  • Gymnastics (ยิมนาสติก)
  • Athletics (กีฬา)
  • Ethics (จริยธรรม)
  • Electronics (อิเล็กทรอนิกส์)
  • Statistics (สถิติศาสตร์)

คำนามที่มักใช้ในรูปพหูพจน์เท่านั้น

  • คำนามพหูพจน์ประเภทเสื้อผ้า
    • shorts (กางเกงขาสั้น)
    • pants (กางเกงขายาว)
    • jeans (กางเกงยีนส์)
    • pajamas (ชุดนอน)
  • คำนามพหูพจน์ประเภทเครื่องมือเครื่องใช้
    • scissors (กรรไกร)
    • pliers (คีม)
    • tongs (ที่หนีบ)
    • tweezers (แหนบ)
    • sunglasses (แว่นกันแดด)
    • headphones (หูฟัง)
    • binoculars (กล้องส่องทางไกล)

เจ้าของภาษามักจะใช้วลี “a pair of” หรือ “pairs of” เพื่อระบุจำนวนคำนามเหล่านี้ ตัวอย่างเช่น I have a new pair of shorts. (ฉันมีกางเกงขาสั้นตัวใหม่)

  • คำนามพหูพจน์ทั่วไป
    • earnings (รายได้)
    • belongings (ข้าวของส่วนตัว)
    • surroundings (สภาพแวดล้อม)
ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ
tense
คำคมภาษาอังกฤษ

แชร์ไว้อ่าน